นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า

นายชัชชาติกล่าวถึงคลิปวิดีโอที่ทหารเรือ ลงในท่อระบายน้ำและพบกับกระสอบทรายจำนวนมากในพื้นที่เขตลาดกระบังว่า ตอนแรกก็ตกใจเห็นภาพดังกล่าวตั้งแต่เวลา 03.30 น. ได้โทรศัพท์สอบถาม ผอ.เขตลาดกระบัง เวลา 04.00 น. ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่า เป็นวิธีการรับน้ำในถนน ถ้าน้ำท่วมเยอะไม่สามารถดูดออกได้ พอดูดดออกก็ไหลย้อนกลับ แต่เมื่อถึงเวลาน้ำไม่ท่วมมาก วิธีการคือนำกระสอบทรายไปอุดท่อระบายน้ำ ไม่ให้น้ำไหลวนเข้ามา เพื่อให้น้ำในถนนหลักลดลงก่อน เหมือนกับการทำเขื่อนกั้นชั่วคราว แต่เมื่อระดับน้ำภาพรวมลดลงแล้ว สามารถนำกระสอบทรายที่อยู่ในท่อออกได้ น้ำก็ไม่ไหลย้อนกลับมา

“ก็ได้มีการสอบถาม นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ท่านบอกว่าถูกต้องแล้ว ต้องเรียนตรงๆ ว่าผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ เรามีหน้าที่การกำกับภาพรวม ถ้าเราทำเขื่อนกั้นน้ำได้ แต่ท่อระบายน้ำอยู่ใต้เขื่อน หลายๆ ที่น้ำจากคลองก็ย้อนเข้ามา เขื่อนสูงแต่น้ำเข้ามากลางท่อในหมู่บ้าน อุดท่อดีกว่าอุดที่ฝา เพราะต้องอุดหลายฝามาก เป็นวิธีการบริหารจัดการตามคำอธิบาย” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวว่า แต่ปัญหาที่เกิดหลายครั้งหน่วยงานลืมนำกระสอบทรายออกจากท่อ พอประชาชนเห็นว่าน้ำในหมู่บ้านไม่ลดลงเหมือนท่อตัน จึงได้แจ้งทหารเรือให้มาช่วยนำกระสอบทรายออกจากท่อ

“ถ้าเกิดวางยาผมว่า ผอ.เขตก็โดนก่อนเลย เรื่องพวกนี้ปิดกันไม่ได้ ผอ.เขตก็ตอบได้เลย ต้องดูที่เจตนา ต้องขอบคุณประชาชนที่ไปแจ้ง ต้องการให้ประชาชนแอ๊กทีฟ แต่ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ต้องสื่อสารให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ทหารเรือ ก็ต้องแจ้งว่าถนนนี้เราบล็อกอยู่ จะได้ไม่ต้องมาเสียแรงเหนื่อย หรือสำนักระบายน้ำต้องมีข้อมูลภาพรวม คงต้องปรับปรุงเรื่องการสื่อสารให้ดีขึ้น เพราะเป็นจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน” นายชัชชาติกล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการให้กรมราชทัณฑ์เร่งลอกท่อระบายน้ำหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ตอนนี้ทางกรมราชทัณฑ์มีงานจำนวนมาก คงต้องเรียนท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในการขอกำลังคนเพิ่ม เพราะที่คุยกับประชาชนมาถนนน้ำลดลงเร็วขึ้น อย่างเขตลาดพร้าว

“บางทีไม่ได้ลอกท่อมานาน การทำเส้นเลือดฝอยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผมว่าได้ผลดี ปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นในกรุงเทพฯบางส่วน เช่น ลาดกระบัง ดอนเมือง บางเขน เพราะข้อจำกัดเรื่องคลอง รวมถึงจากการรายงานล่าสุด ปีนี้มีปริมาณน้ำฝน 1,600 มิลลิเมตร เท่ากับค่าเฉลี่ยของทั้งปีแล้ว ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ กทม. ที่ผ่านมาทำงานอย่างหนัก มีการวางแผน มีการปรับปรุงหลายระบบ ทำให้เรารับน้ำจำนวนมาก โดยที่พื้นที่กรุงเทพฯส่วนใหญ่อยู่ได้ ไม่ท่วมขังนาน” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวว่า ในส่วนแผนการระบายน้ำในพื้นที่เขตลาดกระบังหลังจากเมื่อวานนี้ (14 กันยายน) ได้พบกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือกันว่าในแผนระยะยาวจะต้องมีการทำทางด่วนน้ำเพื่อเป็นการระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วกว่าเดิม

“เพราะปัญหาของในพื้นที่เขตลาดกระบังคือมีส่วนงานก่อสร้างจำนวนมากที่ไปกีดขวางทางน้ำของคลองทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้ช้าอีกทั้งระยะทางของคลองในการมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อระบายเป็นระยะทางที่ไกล การทำทางด่วนน้ำจึงคิดว่าเป็นการตอบโจทย์ในปัญหาเรื่องนี้ ต้องขอบคุณพล.อ.ประวิตรที่ติดตามลงพื้นที่ด้วยตัวเองและทำให้การประสานงานกับกรมชลประทานเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น เพราะด้วยอำนาจหน้าที่การบริหารงาน กทม.อาจจะไม่มีอำนาจมากพอในการสั่งการให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำได้มากเท่าที่ควรแต่พล.อ.ประวิตรเป็นประธานกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ สามารถสั่งการได้โดยตรง” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวว่า สำหรับการบริหารจัดการเรื่องสถานการณ์น้ำใน กทม.ที่ผ่านมาได้รับการร่วมมือและสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างดีมาโดยเสมอ ตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้การช่วยเหลือสั่งการแก้ไขต่างๆ จนมาถึงพล.อ.ประวิตร ที่มีส่วนสำคัญ

“พล.อ.ประยุทธ์ เราเจอท่านหลายครั้ง ท่านก็ถามเรื่องน้ำท่วมตลอด ท่านก็สั่งการว่าต้องการอะไร ให้บอกได้เลย จริงๆ แล้วไม่มีปัญหา เราเป็นรัฐบาลท้องถิ่น เราต้องอาศัยรัฐบาลใหญ่อยู่แล้ว เพราะงั้นไม่มีประโยชน์ที่จะไปขัดแย้งอะไรนะ ผมว่าร่วมมือกันดีที่สุด ต้องเอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง”

คงต้องเริ่มคุยกับจังหวัดข้างเคียงให้มากขึ้น เมื่อวานได้ยกหูคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ท่านณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ต้องนัดเจอกับท่านหน่อย ต่อจากนี้ไปน้ำหมด เป็นเรื่องฝุ่น PM 2.5 ต้องคุยกับทุกจังหวัดว่าการเผาเป็นยังไง เพราะสุดท้ายทุกจังหวัดต้องบูรณาการร่วมกัน” นายชัชชาติกล่าว

สำหรับกรณีการตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์น้ำของ กทม. นายชัชชาติกล่าวว่า ไม่ได้เป็นการทำงานข้ามหัวใครทุกอย่างมีข้อมูลและหลักฐานที่ชัดเจนมีระเบียบแบบแผนในการสั่งการ เช่น การเปิดประตูระบายน้ำ 2 เซนติเมตรก็จะต้องมีผู้ลงคำสั่ง และยืนยันในคำสั่งนั้น ฉะนั้นทุกขั้นตอนจึงมีหลักฐานและผู้รับผิดชอบทั้งหมด

นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือคำติตนไม่ได้กังวลในส่วนนั้นแต่กังวลว่าจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างไร ขอขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำที่มีหลายส่วนส่งมาถึง ทั้งนี้ ในวันเสาร์นี้ (17 กันยายน) จะนัดพูดคุยกับ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแบ่งเบาความกังวลเรื่องสถานการณ์น้ำร่วมกัน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ huntrawhidecreek.com