ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์

ChatGPT สุดยอดเอไออัจฉริยะ แต่อาจกระทบต่อเด็กวัยเรียนรู้

ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ได้เปิดเผยว่า ChatGPT คือสุดยอดปัญญาประดิษฐ์ในการค้นหาคำตอบ ที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก ว่าเป็นแชทบอทที่เก่งมาก เหมือนจาร์วิสในหนังไอรอนแมน ที่คอยเป็นผู้ช่วย และเป็นเลขาที่มีความฉลาดเหลือล้น

โดย ChatGPT เป็นแชทบอทปัญญาประดิษฐ์ของกลุ่มนักพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่ชื่อว่า OpenAI ซึ่งเป็นไมโครซอฟท์สนับสนุน หลังผู้คนทั่วโลกได้ลองใช้ ก็เกิดกระแสชื่นชอบ เพราะ ChatGPT ไม่ได้แค่ช่วยหาข้อมูลคำตอบได้เพียงไม่กี่วินาที แต่ยังรู้จักการเรียบเรียงคำตอบด้วยภาษาวิชาการที่สละสลวยถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ลำดับเรื่องราว ลำดับประเด็นได้อย่างอย่างมีเหตุ และผล รู้จักการคิดวิเคราะห์แยกแยะให้เสร็จสรรพ

“และที่สำคัญ งานที่คิดออกมาจะไม่มีซ้ำ หรือเหมือนใคร มีนักวิชาการหลายท่านตรวจสอบการลอกเลียนแบบผลงาน หรือ Plagiarism โดยพบแค่ 5% ซึ่งถือว่ายอมรับได้ ทำให้ ChatGPT แตกต่างจาก Search Engine อย่างกูเกิล และต่างจากเว็บไซต์ข่าวสารที่ให้บริการด้านข้อมูลทั่วไป ที่ทำได้แค่สืบค้นข้อมูลทั่วไป ซึ่งเราจะต้องนำข้อมูลในแต่ละแหล่งมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ผสมร้อยเรียงเองอีกต่อหนึ่ง” ดร.ชัยพร กล่าว

ดร.ชัยพรกล่าวอีกว่า ด้วยระบบปฏิบัติการสุดล้ำของ ChatGPT ทำให้หลังเปิดตัวเพียง 5 วัน มีผู้ใช้งานครบ 1 ล้านคนแรก ถือว่ารวดเร็วกว่าโซเชียลมีเดียยอดฮิตอย่าง Facebook, Instagram และ Twitter ที่สถิติเดิมต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือน หรือเป็นปี กว่าจะได้ผู้ใช้ถึงตัวเลขนี้

และในปัจจุบันระบบของ ChatGPT พัฒนามาถึงในเวอร์ชั่น 3.5 เมื่อปลายปี 2565 มีชุดความรู้สูงถึง 175 พันล้านชุดข้อมูลในฐานองค์ความรู้ อีกทั้ง ยังถูกต้อง และมีจริยธรรมในคำตอบพอสมควร

ChatGPT สุดยอดเอไออัจฉริยะ แต่อาจกระทบต่อเด็กวัยเรียนรู้

โดย ChatGPT สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิด อาทิเช่น ช่วยเขียนบทความ วางแผนทำเนื้อหานำเสนอ ช่วยในการวิจัย หาข้อมูล ช่วยทำให้งานที่เกี่ยวกับการทำ SEO ง่ายขึ้น

รวมถึง ยังเป็นตัวช่วย SMEs ในการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง และถ้ายิ่งผู้ใช้มีความรู้ในเรื่องที่จะถามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งค้นหาได้ง่าย หรือการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หากอยากได้โปรแกรมหน้าตาแบบนี้ ทำงานแบบนี้ ด้วยภาษา Python หรือ Java แชทบอทจะทำการไล่เขียนโปรแกรมให้

จากนั้นเราก็ปรับปรุง และก็อปปี้ไปใช้ได้เลย เพราะตัวโครงหลักเขียนค่อนข้างถูกต้อง และรวดเร็วเทียบเท่าคนเขียนโปรแกรมคล่องๆ คนหนึ่ง คือ เป็นตัวช่วยเขียนเสริม 70% แล้วอีก 30% ไปประกอบต่อเติมให้ครบตามที่ต้องการ

“แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่า คือการเรียนของนักเรียน นักศึกษา อย่างในนิวยอร์ก สหรัฐ หน่วยงานด้านการศึกษาถึงกับแบนการใช้งาน ChatGPT เพราะกังวลว่าอาจกระทบต่อการเรียนรู้ของเด็ก หรือนักเรียน นักศึกษา เนื่องจากไม่เหมือนกูเกิล ที่เมื่อหาข้อมูลได้แล้ว ต้องนำไปกรองอีกขั้น ก่อนจะหยิบจับมาผสมร้อยเรียง แต่ ChatGPT สรุปมาเลยมี 1-2-3-4-5 และเรียบเรียงมาให้ด้วย ทำให้นักเรียน และนักศึกษา อาจขาดการศึกษาเรียนรู้ ขาดการลองผิดลองถูก และล่าสุดไมโครซอฟท์เพิ่งจะเพิ่มทุน 10 เท่า จากเดิม 1 พันล้านดอลลาร์ เป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ได้เลยว่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของกูเกิล แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้คนไทยลองใช้ก่อน แต่อาจใช้เพื่อต่อยอดได้ อาจใช้ ChatGPT เป็นฐานองค์ความรู้ เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อยากส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ ควรศึกษา และพัฒนา AI ที่เหมาะกับไทย ” ดร.ชัยพร กล่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ huntrawhidecreek.com

แทงบอล

Releated